เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หมายถึง ดินแดนที่อยู่ระหว่างจีนและอินเดีย ปัจจุบันได้แก่ ประเทศพม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม ไทย มาเลเซีย
สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน และติมอร์ตะวันออก ดินแดนเหล่านี้ในอดีตเรียกกันหลายอย่าง เช่น เอเชีย-ดินแดนมรสุม
ที่เรียกเช่นนี้เนื่องมาจากมีสภาพภูมิอากาศแบบมรสุม
ซึ่งมีความสำคัญต่อดินแดนบริเวณนี้ หรือ เรียกว่า อินโดจีน เพราะอยู่ระหว่างอินเดียกับจีน ส่วนคำว่า “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
เพิ่งเริ่มใช้ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรคือ
สหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ได้ตั้งศูนย์บัญชาการการรบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(South -
East Asia Command) ขึ้นในค.ศ.1943 เมื่อทำการสงครามกับญี่ปุ่น การเรียกชื่อเช่นนี้เพื่อความเด่นชัดทางด้านภูมิศาสตร์เพื่อกำหนดเขตการปฏิบัติการของกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตร
โดยหมายความถึง ภูมิภาคที่ประกอบด้วยประเทศพม่า ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย
สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย โดยไม่รวมถึงฟิลิปปินส์
จนในทศวรรษ 1960 จึงรวมฟิลิปปินส์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาค และในค.ศ.1984
เมื่อบรูไนได้รับเอกราชก็เข้าร่วม รวมทั้งติมอร์ตะวันออกในค.ศ.2002
ดินแดนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นี้มีหลักฐานของมนุษย์อยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์
คือ พบมนุษย์ชวา ในถ้ำแห่งหนึ่งบนเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย
ซึ่งเป็นมนุษย์วานรในสมัยหินเก่า ที่ยังมีการเร่ร่อนอาศัยอยู่ตามถ้ำ
ต่อจากนั้นมาอีกหลายพันปี เมื่อเข้าสู่ยุคหินกลาง เป็นช่วงระยะที่มีการอพยพของมนุษย์เผ่าพันธุ์ต่างๆจากแผ่นดินใหญ่ลงสู่ภาคใต้
และข้ามไปยังหมู่เกาะต่างๆ ได้แก่พวก ออสเตรลอยด์ (Australoid) เนกริโก (Negreto) พวกเมลาเนซอยด์ (Malanesoid) ปัจจุบันกลายเป็นคนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในออสเตรเลีย
และหมู่เกาะในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ต่อมาเมื่อเข้าสู่ยุคหินใหม่มีการอพยพของชนกลุ่มใหญ่เป็นพวกชาติพันธุ์มองโกลอยด์มากที่สุด
อพยพมาจากตอนกลางของทวีปเอเชียโดยเฉพาะบริเวณประเทศจีนและทิเบต
เข้าสู่บริเวณที่ราบลุ่มของภูมิภาคคือ ลุ่มแม่น้ำแดง แม่น้ำโขง แม่น้ำสาละวิน
แม่น้ำอิระวดี แม่น้ำเจ้าพระยา รวมทั้งกลุ่มที่อาศัยอยู่ในภูเขาและที่ราบสูง เช่น
ชาวเขาเผ่าต่างๆ
บางพวกอพยพลงมาทางใต้เข้าสู่บริเวณคอคอดกระจนถึงแหลมมลายูและบริเวณหมู่เกาะ
บ้างตั้งแหล่งอาศัยอยู่ถาวร บ้างอพยพย้อนกลับขึ้นบนพื้นแผ่นดินใหญ่อีก
ความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ทำให้ชุมชนในภูมิภาคได้ตั้งหลักแหล่งอยู่ตามที่ราบลุ่มแม่น้ำ
และที่ราบชายทะเล ผู้นำพื้นเมืองได้รวบตัวตั้งเป็นชุมชนต่าง ๆ
และมีการพัฒนาการมาเป็นลำดับ สามารถปลูกข้าวเลี้ยงดูประชากร
สร้างคติและความเชื่อของตน จากที่ตั้งของภูมิภาคที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง 2 อาณาจักรใหญ่ คือ จีนและอินเดีย
จึงได้รับอิทธิพลเข้ามาพร้อมกับการค้าขายแลกเปลี่ยน จึงนำวัฒนธรรม
ความเจริญของทั้งสองแห่งมาผสมผสานกับความเชื่อดั้งเดิม เช่น แบบแผนการปกครองแบบอินเดีย แนวคิดของพุทธศาสนา และ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู
ดินแดนทางตอนล่างของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สัมพันธ์กับพ่อค้าชาวอินเดียโดยการค้า
เนื่องจากพบหลักฐานทางวัตถุจากอินเดียและโรมในภูมิภาคนี้ เช่น หินหยก
ลูกปัดลวดลายแบบอินเดีย ภาชนะสำริด เหรียญทองแดงของจักรพรรดิโรมัน
ตะเกียงโรมันที่พงตึกและตราโรมันที่ออกแก้ว หลักฐานเหล่านี้เป็นสื่อของการแลกเปลี่ยนระหว่างการค้าทางแถบชายฝั่งจากการแล่นเรือของพ่อค้าชาวอินเดียมาทางหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ผ่านลงทางภายใต้ของประเทศไทย
และอีกส่วนหนึ่งเลียบฝั่งทะเลอันดามันเข้าทางทิศตะวันตกของประเทศไทยสู่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมกันนั้น
ก็พบหลักฐาน ของการอาณาจักรต่างๆ ในเอกสารของจีน
แสดงถึงการติดต่อค้าขายกันเป็นอย่างดี
อาณาจักรต่างๆที่พัฒนาขึ้นมา
มีดินแดนกว้างขวาง( ครอบคลุมหลายประเทศในปัจจุบัน ) เช่น
อาณาจักรฟูนัน ครอบครอง ประเทศกัมพูชา
เวียดนามตอนใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย บางตอนของที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
และภาคใต้ของไทย ลงมาถึงแหลมมลายู สถานที่ตั้งทางด้านยุทธศาสตร์ของฟูนัน
ทำให้สามารถควบคุมเส้นทางช่องแคบเชื่อมฝั่งทะเลของอ่าวไทยเข้ากับทะเลอันดามันและเมืองท่าต่างๆของจีนตอนใต้
ทำให้มีความมั่งคั่งและอิทธิพลทางด้านการเมือง ฟูนันมีอำนาจการปกครองเหนือลังกาสุกะ (Langkasuka มีเมืองหลวงอยู่ในบริเวณปัตตานีปัจจุบัน) และเมืองตามพรลิงค์ (Tambralings มีเมืองหลวงอยู่ที่นครศรีธรรมราชหรือเมืองไชยา จ.สุราษฎร์ธานี)
เมืองทั้งสองตั้งอยู่สองฝั่งเส้นทางเดินเรือค้าขายที่สำคัญ
อาณาจักรฟูนันเป็นผู้วางรากฐานอารยธรรมอินเดียในอินโดจีน
และเป็นรัฐที่เป็นรากฐานของประเทศกัมพูชา เมื่อสิ้นสุดอาณาจักรฟูนัน อาณาจักรที่เจริญขึ้นแทนที่ คือ
อาณาจักรขอมซึ่งเจริญอยู่หลายพันปี จนสิ้นสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อาณาจักรอ่อนแอลง ทำให้ชนชาติไทยซึ่งตั้งหลักอยู่บริเวณตอนบนของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา รวมกำลังตั้งเป็นรัฐอิสระจากเขมร คือ อาณาจักรสุโขทัย และ อาณาจักรล้านนา ต่อมาอิทธิพลขอมอ่อนลง มีการตั้งอาณาจักรอยุธยาและในค.ศ.1431
ได้ยกกองทัพไปตีนครธมโดยเจ้าสามพระยา อำนาจของเขมรที่มียาวนานกว่า 600
ปีได้สิ้นสุดลง แต่อาณาจักรเขมรยังคงอยู่โดยย้ายราชธานีไปอยู่ที่พนมเปญ
เพื่อให้ห่างไกลจากราชอาณาจักรไทย เมืองนครวัดและนครธมถูกปล่อยเป็นเมืองร้าง
อาณาจักรทวารวดี วัฒนธรรมทวารวดีได้แพร่กระจายจากลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาทางภาคกลางของประเทศไทยไปทั่วทุกภูมิภาคโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
จากชุมชนโบราณที่โคกสำโรง และบ้านหมี่จังหวัดลพบุรี และเมืองศรีเทพ
เพชรบูรณ์ซึ่งเป็นเมืองสำคัญจากลุ่มแม่น้ำป่าสักไปสู่ลุ่มแม่น้ำมูล และลุ่มแม่น้ำชีทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย รวมไปถึงตอนใต้ของพม่า
อาณาจักรศรีวิชัย ความสำคัญของศรีวิชัยที่ปรากฏจากจดหมายเหตุของจีนสมัยราชวงศ์ถังคือเป็นศูนย์กลางการค้าขายสินค้าข้ามสมุทรทางฝั่งทะเลตะวันตกและตะวันออก
ผ่านช่องแคบมะละกา ดังนั้นจึงได้พบ
ลูกปัดจากดินแดนทางตะวันตกและเครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์ถัง ซึ่งพบเรื่อยลงมาทั้งที่เกาะสุมาตราและทางภาคใต้ของประเทศไทย
(แคว้นไชยา) จากหลักฐานทางโบราณคดีที่พบโดยกว้างจากปาเล็มบัง เกาะสุมาตรา
อินโดนีเซีย มาจนถึงคาบสมุทรมาเลย์และทางภาคใต้ของประเทศไทย ได้มีข้อสรุปเกี่ยวกับศรีวิชัยคือ “ศรีวิชัย”
ไม่ใช่ชื่ออาณาจักรที่มีศูนย์กลางของอำนาจในทางการเมืองและควบคุมเศรษฐกิจอยู่เมืองใดเมืองหนึ่งเพียงแห่งเดียว
แต่ศรีวิชัยเป็นชือกว้าง ๆ ทางศิลปะ
และวัฒนธรรมของบ้านเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางการค้าทางทะเลแถบคาบสมุทร
กลุ่มบ้านเมืองหรือแว่นแคว้นต่าง ๆ เหล่านี้มีวัฒนธรรมร่วมกันคือ
การนับถือพุทธศาสนามหายานและมีรูปแบบศิลปกรรมแบบศรีวิชัยเช่นเดียวกัน
จากตัวอย่างของอาณาจักรโบราณในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แสดงให้เห็นว่าบรรพบุรุษของประชาชนในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ต่างมากจากรากเง้าเดียวกัน
มีพื้นฐานด้านวัฒนธรรมประเพณีเดียวกันมาก่อน บางดินแดนก็คาบเกี่ยวกัน
ยากที่จะบอกว่าเป็นของชนชาติใดอย่างแน่นอนตายตัว เมื่อกาลเวลาที่เปลี่ยนไปนับพันปี
ย่อมทำให้บางอาณาจักรต้องเสื่อมสลายไป และมีอาณาจักรใหม่เจริญขึ้นมาแทนที่ ดังภาพต่อไปนี้
🔪สมัยล่าอาณานิคม
ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่
16-19 ประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถูกชาติตะวันตกเข้ายึดครอง ในตอนแรก ชาติตะวันต้องการผูกขาดสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเครื่องเทศ
ซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากในการถนอมอาหาร (บางประเทศต้องการเผยแผ่ศาสนา
ได้แก่ฝรั่งเศส) แต่เมื่อประเทศในยุโรป ต่างแย่งชิงผลประโยชน์กันเอง
ทำให้ต้องใช้กำลังทหารปกครองผลประโยชน์ของชาติตน และนำไปสู่การใช้กำลังเข้ายึดครอง
หลังจากนั้นจึงใช้กำลังทหารบังคับให้ดินแดนต่างๆ ดำเนินนโยบายแบบที่ตน
ประเทศต่างๆที่ต้องตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก
ได้แก่ พม่า มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน เป็นอาณานิคมของอังกฤษ ลาว กัมพูชา เวียดนาม
เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ฟิลิปปินส์เป็นอาณานิคมของสเปน และต่อมาเป็นสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ ยกเว้นเพียงประเทศไทยเท่านั้นที่รอดพ้นจากการยึดครอง
จนเมื่อสงครามโลก ครั้งที่
2 สิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1945 จึงทยอยกันได้รับเอกราชแต่รูปแบบการเมือง
การปกครองของแต่ละประเทศได้พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
และในช่วงของการเรียกร้องเอกราชนั้น
ทำให้บางประเทศต้องเผชิญกับภาวะสงครามอย่างยาวนาน โดยเฉพาะเวียดนาม เพราะชาติมหาอำนาจ(คือสหรัฐอเมริกา
และฝรั่งเศส)ต้องการคงอิทธิพลของตนไว้ ไม่ต้องการให้จีน หรือ
รัสเซียเข้ามามีอิทธิพลแทนที่
🔪แหล่งอารยธรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จากการที่ประชาชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เคยอยู่ภายใต้อาณาจักรเดียวกัน
หรือคาบเกี่ยวกับมาก่อน ประกอบกับได้รับอิทธิพลจากจีน-อินเดีย
และได้รับอิทธิพลจากศาสนาพุทธ หรือ ศาสนาพราหมณ์ เหมือนกัน จึงทำให้ให้มีแหล่งโบราณสถานจำนวนมาก
ที่มีส่วนคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง ดังจะยกตัวอย่าง ดังนี้
🚩มหาสถูปบุโรพุทโธ หรือ
บรมพุทโธ (ภาษาอินโดนีเซีย: Chandi Borobudur) ตั้งอยู่ในภาคกลางของเกาะชวา
ห่างจากยอกยาการ์ตาไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 40 กิโลเมตร สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ.
1293 - 1393 โดยบุโรพุทโธเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธนิกายมหายาน
ถ้าไม่นับนครวัดของกัมพูชาซึ่งเป็นทั้งศาสนสถานของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูและศาสนาพุทธ
บุโรพุทโธจะเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในปีพ.ศ. 2534 องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้บุโรพุทโธเป็นมรดกโลก
🚩เมืองหลวงพระบาง เป็นเมืองเอกของแขวงหลวงพระบาง
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงและแม่น้ำคาน
ซึ่งไหลมาบรรจบกัน เป็นเมืองที่องค์การยูเนสโกได้ยกย่องให้เป็นมรดกโลกด้วย
🚩เว้ เป็นเมืองเอกของจังหวัดถัวเทียน-เว้
สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และเคยเป็นเมืองหลวงเก่าในสมัยราชวงศ์เหงียนช่วงปี
พ.ศ. 2345-2488 มีชื่อเสียงจากโบราณสถานที่มีอยู่ทั่วเมือง
จำนวนประชากรอยู่ที่ประมาณ 340,000 คน
หมู่โบราณสถานในเมืองเว้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี
พ.ศ. 2536
🚩เจดีย์ชเวดากอง ตามตำนานนั้นสร้างเมื่อ 2,500 ปีที่แล้ว
แต่นักโบราณคดีเชื่อกันว่าสร้างระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 6-10 สร้างโดยชาวมอญ พระเจดีย์ได้ถูกทิ้งร้างจนมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 14 เมื่อพระเจ้าพินยาอู
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างพระเจดีย์ใหม่สูง 18 เมตร
พระเจดีย์ได้ถูกซ่อมแซมมาเรื่อยมา จนมามีความสูง 98 เมตรในคริสต์ศตวรรษที่ 15
แผ่นดินไหวเล็กๆน้อยๆ เรื่อยมาทำให้พระเจดีย์นั้นได้รับความเสียหาย และเมื่อปี
พ.ศ. 2311 (ในสมัยกรุงธนบุรี) ได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างหนัก
ทำให้ยอดของพระเจดีย์หักถล่มลงมา
🚩นครวัด
ตั้งอยู่ที่เมืองเสียมราฐ
(เสียมเรียบ) ในประเทศกัมพูชา สร้างในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2
ในพุทธศตวรรษที่
16-17 เพื่อเป็นศาสนสถานประจำนครของพระองค์ เมื่อสมัยแรกนั้น
นครวัดได้ถูกสร้างเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไวษณพนิกาย
แต่ต่อมาในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้เปลี่ยนให้เป็นวัดในศาสนาพุทธนิกายมหายาน
ในปัจจุบันปราสาทนครวัดนับเป็นสิ่งก่อสร้างสัญลักษณ์ของประเทศกัมพูชา
และได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลกภายใต้ชื่อ เมืองพระนคร ในปี ค.ศ. 1586
พ.ศ. 2129ได้มีนักบวชจากโปรตุเกส
นามว่า อันโตนิโอ ดา มักดาเลนา เป็นชาวตะวันตกคนแรกที่ได้ไปเยือนปราสาทนครวัด
แต่ที่จะถือว่าเป็นการเปิดประตูให้แก่ปราสาทนครวัดนั้น คือการค้นพบของ อองรี
มูโอต์ นักสะสมแมลงและนักสำรวจชาวฝรั่งเศส เมื่อประมาณร้อยกว่าปีที่แล้วมา
🚩อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ครอบคลุมพื้นที่โบราณสถานกรุงสุโขทัย ตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองเก่า (เขตเทศบาลตำบลเมืองเก่า)
อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ผังเมืองสุโขทัยมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความยาวประมาณ 2
กิโลเมตร กว้างประมาณ 1.6 กิโลเมตร มีประตูเมืองอยู่ตรงกลางกำแพงเมืองแต่ละด้าน
ภายในยังเหลือร่องรอยพระราชวังและวัดอีก 26 แห่ง วัดที่ใหญ่ที่สุดคือวัดมหาธาตุ
อุทยานแห่งนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยกรมศิลปากรด้วยความช่วยเหลือจากองค์การยูเนสโก
มีผู้เยี่ยมชมหลายแสนคนต่อปี ซึ่งสามารถเดินเท้าหรือขี่จักรยานเที่ยวชมได้
ในวันที่
12 ธันวาคม พ.ศ. 2534
องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้อุทยานแห่งนี้เป็นแหล่งมรดกโลกร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์ที่กำแพงเพชรและศรีสัชนาลัยภายใต้ชื่อว่า
"เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น